1591 จำนวนผู้เข้าชม |
Full Review
Honda CBR 1000 RR-R 2020
By OVERRIDE
รอคอยกันมานานแสนนานกับรหัส RR-R ที่ติดพิษโควิด-19 ทำให้ต้องเลื่อนการเปิดตัวอย่าง
ไม่มีกำหนด และครั้งนี้ ได้ถึงเวลาเผยโฉมให้เหล่าสื่อมวลชนได้เข้าร่วมทดสอบกันแบบจุใจในสนาม
Chang International Circuit ทาง AP Honda จัดทั้งที ไม่ยิ่งใหญ่เป็นไปไม่ได้ ยกโขยงรถ
CBR 1000 RR-R มาร่วมสิบคัน ให้สื่อมวลชนได้สัมผัสก่อนใครในประเทศ
สำหรับตัวรถด้านนอกเพื่อนๆหลายคนคงจะทราบกันมาบ้างแล้ว รอบนี้เราจะมาเล่าถึงฟิลลิ่งการขับขี่ แบบเจาะลึกกันบ้างดีกว่า
เครื่องยนต์แบบใหม่ ไฉไลกว่าเดิม !!!
แน่นอนครับ นี่เป็นสิ่งแรกที่อยากจะรีวิวให้เพื่อนๆฟังก่อนเป็นอย่างแรกเลย เพราะว่ามันคนละเรื่องกับรถ CBR 1000RR
ตัวก่อนหน้าอย่างสิ้นเชิง ลืมอารมณ์การขับขี่แบบเนิบๆของตัวเก่าไปได้เลย เพราะนี่มันคือสุดยอดเครื่องยนต์ที่ถูกพัฒนาจาก
สนามแข่งระดับเวิลด์คลาส ลงมาประจำการอยู่ในรถตลาด รหัสเครื่อง SC82E ขุมกำลังใหม่ ลูกสูบใหญ่ขึ้นถึง 5 mm.จากเดิม
76 mm. เป็น 81 mm.ระยะชักสั้นลง 6.5 mm. เดิม 55 mm. เป็น 48.5 mm.(กระบอกสูบ,ระยะชัก ขนาดเดียวกับ RC213V-S)
ซึ่งทำให้มันมีความดุดันและจัดจ้านเกินตัว เรียกว่าหนังคนละม้วนกับตัวก่อนเลย มีความดุดันช่วงต้น และช่วงปลายอย่างมาก
สุดทางตรงยาว ช่วงโค้ง 1 ไปยังโค้ง 3 ของสนามช้าง สามารถทำความเร็วได้ 270++ km/hr. และเกียร์ยังไม่หมด ใช้แค่เพียง
เกียร์ 4 เท่านั้นเอง จะว่าไปความเร็วมันอาจจะไม่สูงเว่อร์ แต่ช่วงที่มันชู้ตออกจากโค้งไปจนถึงรอบปลาย ขึ้นเร็วมาก
อัตราเร่งและแรงบิดที่เต็มไม้เต็มมือ เอาเป็นว่าตัวแอดมินเองยังเหวอเลยครับกับแรงดึงมหาศาลของเครื่องยนต์ตัวนี้ ด้วยที่ว่า
มันเพิ่มช่องดูดอากาศ (RamAir)ที่ด้านหน้าแบบเดียวกับรถแข่ง RC 213V-S ทำให้รอบกลางถึงปลายของเจ้า RR-R ดึงโหดกว่าเดิม
เยอะ
อีกหนึ่งสิ่งที่จะไม่พูดถึงไม่ได้เลยนั่นคือชุดท่อไอเสียจาก Akrapovic โอโห้ เสียงนี่ลั่นจัด ลั่นแบบที่ว่าไม่จำเป็นไม่ต้องเปลี่ยนท่อ
แต่ง บวกกับ Quick Shifter (Up/Down) ช่วยให้การเปลี่ยนเกียร์ในแต่ละเกียร์ทำงานได้สมูทขึ้น เสียงต่อเกียร์แต่ละที
ลั่นอย่าบอกใคร ซึ่งทางครูฝึกและทีมช่าง ได้แนะนำให้เปลี่ยนเกียร์ที่ประมาณ 11,000 rpm.จะได้แรงม้าสูงสุดของเครื่องยนต์
ตัวนี้ ตัวที่ได้ทดสอบนั้นเป็นสเปค JP แรงม้าและแรงบิดอาจจะไม่เท่าสเปค UK โดนลดทอนกำลังเพื่อให้ได้มาตรฐานต่างๆของฝั่ง
เอเชีย แต่ขอบอกไว้ครับ นี่ขนาดโดนทอนกำลังลงมา ยังแรงกระชากวิญญานขนาดนี้ ถ้าขับตัวสเปค UK ได้ทะลุกรวดสนามช้าง
ไปคุยกับช่างภาพแน่นอน แรงเหลือๆครับสำหรับสเปค JP เชื่อเหอะ แค่นี้ก็ใช้งานไม่หมดแล้วครับ
ระบบช่วงล่างและการคอนโทรลรถ
หลายคนคงคิดว่าเมื่อเครื่องยนต์แรงขึ้น แล้วการควบคุมรถมันจะยากขึ้น ไม่จริงครับ ทางวิศวกรของทาง Honda ปรับเซ็ทเจ้า
RR-R มาอย่างดี ยัดช่วงล่างเทพของ Ohlins แบบไฟฟ้ามาให้ ทั้งหน้าและหลัง(เฉพาะตัว SP) หน้า Ohlins NPX ขนาด 43 mm.
ระยะยุบ 125 mm. หลัง Ohlins TTX36 Smart-EC ระยะยุบ 143 mm. มันทั้งง่ายต่อการควบคุม เป็นมิตรต่อโค้งจริงๆ ดีชนิดที่ว่า
เมื่อคิดจะเข้าโค้ง รถมันก็จะช่วยเข้าโค้งทันที ในโค้งความเร็วสูง มันก็ทำได้ดี ไม่ย้วย แต่อาจจะมีอาการนิดหน่อยเมื่อเปิดคันเร่งเร็ว
เพื่อต้องการจะดันออกจากโค้งให้เร็วยิ่งขึ้น ต้องบอกไว้ก่อนนะครับว่ารถที่เอาลงไปขับขี่ ไม่ได้มีการเซ็ทติ้งใหม่ใดๆ เป็นรถเดิม
สเปคโรงงาน ตั้งค่ามาแบบไหน ลงไปขี่แบบนั้น อาการมันจึงมีให้เห็นบ้าง แต่ถ้าใครจะลงสนามเเบบจริงจังแล้วละก็ จำเป็นต้อง
เซ็ทติ้งใหม่ทั้งหมดอยู่แล้ว
ส่วนทางตรงเมื่อรถทะยานขึ้นสู่ความเร็วสองร้อยบวก ชุด Aerodynamic ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ถ้าเป็นตัวก่อนหน้า
ความเร็วขนาดนี้ ช่วงหน้าเริ่มจะมีการลอยๆให้เห็น แต่ตัวนี้ไม่มีเลย นิ่งจัดเลยครับ บวกกับกันสะบัดไฟฟ้า ที่ช่วยให้เรา
ไม่ต้องสู้กับรถมากเวลาเกิดอาการส่าย หรือชกของช่วงหน้าที่ความเร็วสูง กดคันเร่งได้อย่างสบายใจ แต่อย่าหวดเพลินนะ
มันอันตราย เดี๋ยวจะลงกรวดไม่รู้ตัว
ระบบเบรก Brembo เท่านั้นที่มั่นใจ
เบรกของเจ้า RR-R มันหนึบเกิ้นนนน เตะนิดเดียวหัวเกือบทิ่ม เมื่อรถแรงขึ้น ระบบเบรกก็ต้องดีขึ้นด้วยเช่นกัน คาลิปเปอร์หน้า
Brembo Stylema 4 pot กับดิสก์เบรกคู่ขนาด 330 mm. ด้านหลัง Brembo 2 pot ดิสก์เบรกขนาด 220 mm. สเปคเบรกนี้
มั่นใจได้อยู่แล้ว ระยะเบรกสั้นลง ตอนแรกเมื่อลงไปขับขี่ทดสอบ อย่างแรกที่ตัวแอดมินลองก่อนเลยคือเบรกครับ กดไปทีนึง
ตกใจเลยครับทำไมมันไม่อยู่หว่า เบรกเป็นอะไรหรือเปล่า พอสอบถามทีมงานและทีมช่าง บอกรันอินเบรกก่อนสักหน่อยนะครับ
เพราะรถมันใหม่จริงๆ มองไมล์ รถวิ่งมาไม่ถึง 100 โลเลยครับ ใหม่กริ้บ หลังจากรันอินเบรกและทำความรู้จักกันสักพัก มันเริ่ม
เอาเรื่องแล้วครับ เตะเบรกที หัวเกือบทิ่ม รถเเทบหยุด มั่นใจจริงๆครับกับเบรกชุดนี้ ยังไม่หมดแค่นี้นะเรื่องเบรก มันยังมีระบบ
ความปลอดภัยทั้งชุด ABS และระบบป้องกันอย่าง Honda Selectable Torque Control(HSTC) ป้องกันล้อหลังสไลด์ และระบบ
Wheellie Control ป้องกันล้อหน้าลอย ทุกระบบที่พูดมามันสามารถเปิดและปิดการทำงานได้ ยกเว้น ABS เท่านั้นที่ไม่สามารถ
ปิดได้ ตอนลงไปทดสอบได้ลองแอบปิดระบบ HSTC และระบบ Wheellie Control โอ้โหเปิดคันเร่งทีเกือบหงายหลัง รีบวนเข้าพิท
มาเปิดระบบแทบไม่ทัน
ของใหม่ที่ติดมาจากโรงงาน สำหรับ CBR 1000RR-R จะเป็นชิ้นส่วนที่ถูกถ่ายทอดเทคโนโลยีมาจากสนามแข่ง Moto GP
เกือบทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นชุดแฟริ่งที่ออกแบบตามหลัก Aerodynamic พร้อมติดตั้ง Winglet มาให้จากโรงงาน ตำแหน่งถังน้ำมันต่ำ
ลงถึง 45 mm.แถมยังเว้าลง เพื่อหลบหมวกกันน้อคเวลาหมอบหลบลม ระบบอิเล็กทรอนิกส์ทั้ง Honda Electronic Steering
Damper กันสะบัดไฟฟ้า ปรับได้ 3 ระดับ,6-Axis Inertial Measurement Unit ชุดตรวจจับการเคลื่อนที่ของรถถึง 6 แกน,
Honda Selectable Torque Control(HSTC) 9 ระดับ,Launch Control ระบบช่วยออกตัว,Engine Brake Managing(EB)
ปรับได้ 3 ระดับ,Wheellie Control (W)ป้องกันการยกล้อ ปรับได้ 3 ระดับ สามารถปิดการทำงานได้,คันเร่งไฟฟ้า Throttle by
Wire,Riding Mode เอาว่าทุกอย่างที่รถ Sport ค่ายยุโรปมี เจ้า RR-R ก็มีทุกอย่าง นี่แค่ระบบไฟฟ้า ยังให้มาแน่นขนาดนี้ ระบบอื่น
ก็ไม่น้อยหน้าเช่นกัน แต่สิ่งที่ไม่เปลี่ยนไปของรถนั่นคือสโลแกน Total Control ที่ไม่ว่ารถจะแรงหรือดีแค่ไหน มันต้องอยู่ในการ
ควบคุมของผู้ขับขี่อย่างสมบูรณ์แบบ ง่ายต่อการควบคุม สะดวกต่อการใช้งาน และที่สำคัญมันต้องเข้าถึงได้ง่าย นี่คือหัวใจหลัก
ของการออกแบบรถ ในแต่ละรุ่นของค่าย Honda
โดยรวมของ CBR 1000RR-R ดูจะเป็นรถที่แรงเกินคาด ฉลาดเกินตัว จากที่ได้สัมผัสตัวก่อนหน้ามาอย่างคุ้นชิน พอได้จับคันนี้
เข้าไป บอกเลยว่ามันเปลี่ยนไปแบบคนละเรื่องเลย ทั้งความแรงของเครื่องยนต์ที่แรงทะลุโลกกว่าชาวบ้าน ช่วงล่างอันแสนฉลาด
การออกแบบแฟริ่งตามหลัก Aerodynamic และเทคโนโลยีจากรถแข่ง RC 213V-S ถือได้ว่าเป็นการกลับมาเขย่าวงการรถ Sport
ของค่ายปีกนกได้อย่างเหนือชั้น อัดทุกอย่างมาจนล้น เพื่อตอบสนองการขับขี่ที่เร้าใจยิ่งขึ้นกว่าเดิม ทั้งบนถนนปกติและใน
สนามแข่ง
ขอขอบคุณทางบริษัท AP Honda มากๆครับ ที่เชิญทีมงาน Over Ride เข้าร่วมสัมผัสประสบการณ์สุดเร้าใจในการทดสอบ CBR 1000RR-R ในครั้งนี้ด้วยครับ
Special Thank:ชุดและอุปกรณ์ขับขี่จากร้าน Dirt Shop Thailand
หมวกกันน้อคจากร้าน 2Power Thailand